ในเดือนเมษายน 2563 ดัชนี SET Index ให้ผลตอบแทนที่ 15.61% เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 9 เดือนติดต่อกัน ส่งผลให้ YTD ดัชนี SET Index ให้ผลตอบแทน -17.61% ตามการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกที่เร่งฟื้นตัว
ภาพแสดงอัตราผลตอบแทนสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนเมษายน 2563 (SET Index YTD Return)
ที่มา SET SMART
ในเดือนเมษายน 2563 ทุกหมวดธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 35.58% กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ 26.66% เมื่อพิจารณาผลตอบแทน YTD กลุ่มกระดาษ +1.05% กลุ่มเกษตร -0.38% ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่ากลุ่มอื่นๆ จากที่ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงอุปสงค์ในสิงค้าเกษตรที่เริ่มฟื้นตัว
YTD กลุ่มท่องเที่ยว (-21.93%) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (-20.57%) ยังคง Underperform เมื่อ SET Index เมื่อเทียบกับตลาด เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง การ Lockdown รวมถึงเม็ดเงินโฆษณาที่ชะลอตัวลง จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ถึงแม้ว่ากลุ่มพลังงานที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.77% ในเดือนเมษายน แต่ผลประกอบการยังคงถูกกดดันจากที่ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ
ในขณะที่รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 50.3 จุด ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ทำให้อยู่ในระดับตำสุดในรอบ 21 ปี 6 เดือน ซึ่งสัญญาณดังกล่าวเป็นสัญญาณเชิงลบต่อกลุ่ม ค้าปลีก
ณ สิ้นเดือนเมษายน ค่า P/E Ratio ปัจจุบัน (Trailing P/E ratio) อยู่ที่ 15.13 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ระดับ 13.04 เท่า การเพิ่มขึ้นของ P/E Ratio ปัจจุบันมาใกล้ระดับค่าเฉลี่ย ที่ผลประกอบการยังไม่รวมผลกระทบของ Covid-19 แสดงถึง Valuation และ Upside ที่เรื่มจำกัด แต่หากรวมผลกระทบ Covid-19 ต่อผลประกอบการจะทำให้ P/E Ratio ปรับตัวสูงขึ้น แสดงว่า SET Index ซื้อขายบน premium บนกำไรปี 2563 ที่อ่อนแออย่างมาก
ในส่วนของอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ระดับบ 3.99% เทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ 1.21% ส่วนต่างของผลตอบแทนอัตราเงินปันผลของ SET Index เทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ลดลงเหลือ 2.78%