ในเดือนมีนาคม 2563 ให้ผลตอบแทนติดลบราว 16.01% เป็นเดือนที่ 3 ต่อเนื่องสำหรับปี 2563 หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ในขณะที่ YTD ปรับตัวลดงไปราว -28.74% (ตามภาพประกอบดังล่าง) ซึ่ง SET Index ปรับตัวลดลงตามตลาดในภูมิภาค จากความกังวลเรื่องไวรัส Covid-19 และการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน
ภาพแสดงอัตราผลตอบแทนสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม 2563 (SET Index YTD Return)
ที่มา SET SMART
ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ในผลตอบแทน YTD ติดลบ กลุ่มท่องเที่ยวเป็นหนึ่งกลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป การที่ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน, การปิดห้างสรรพสินค้า ได้ส่งผลต่อหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ได้ปรับตัวลดลงมากที่สุดจากเม็ดเงินโฆษณาที่ชะลอตัวลง กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีปรับตัวลดลงกดดันตลาด จากที่ราคาน้ำมันปรับลดลงซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มผลประกอบการ
กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้ปรับตัวลดลงมากที่สุดในเดือนมีนาคม -30.79% ส่งผลให้ YTD ปรับตัวลดลงถึง -36.76% จากความกังวลเศรษฐกิจที่จะชะลอตัว รวมถึงเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยุโรป
กลุ่ม ICT ได้ Outperform กับตลาด ปรับตัวลดลงเล็กน้อย -2.20% ในเดือนมีนาคมจากผลกระทบของ Covid-19 ที่จำกัด รวมถึงการทำงานแบบ Work at home ยีงช่วยเพิ่มปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น รวมถึงกลุ่ม ICT มีอัตราเงินปันผลในระดับที่น่าสนใจ
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 ค่า P/E Ratio ปัจจุบัน (Trailing P/E ratio) อยู่ที่ 13.04 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 16.99 เท่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend yield) อยู่ที่ 4.40% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 3.32% ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.56% ทั้งนี้กำไรและเงินปันผลเป็นผลการดำเนินงานในอดีต ยังไม่ได้รวมผลกระทบของ Covid-19 ซึ่งอาจจะทำให้กำไรและเงินปันผลปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลให้ P/E ratio ปรับตัวสูงขึ้นและอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปรับตัวลดลง