สรุปผลตอบแทนหุ้น ราย Sector เดือนกุมภาพันธ์ 2563

         ในเดือนกุมภาพันธ์ ให้ผลตอบแทนติดลบราว 11.5% เป็นเดือนที่ 2 ต่อเนื่องสำหรับปี 2563 และปรับตัวลดลงต่อจากเดือนมกราคมที่ปรับตัวลดลงราว 4.2% YTD ปรับตัวลดงไปราว 15.2% (ตามภาพประกอบดังล่าง) ซึ่งนับว่า SET Index มีผลตอบแทนที่ underperform ตลาดในภูมิภาค

Stock Return

ภาพแสดงอัตราผลตอบแทนสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 (SET Index YTD Return)

ที่มา SET SMART 

            ในเดือนกุมภาพันธ์ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อเทียบกับดัชนีหลักในต่างประเทศ จากความกังวัลเรื่องสถานะการการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน รวมผลกระทบจากการตั้งสำรองพนักงาน ที่กระทบกำไรในปี 2562 แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 ยังคงไม่สดใสต่อเนื่อง จากการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ upside ของดัชนีมีค่อนข้างจำกัด

           ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ในผลตอบแทน YTD ติดลบ กลุ่มท่องเที่ยวเป็นหนึ่งกลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป 

           ในส่วนของกลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์ (Finance) ผลตอบแทนชนะตลาด YTD ติดลบเพียงเล็กน้อย 4.7% จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อจากการขยายสาขาต่อเนื่อง สวนทางกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กำไรยังถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายลงทุน รวมถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจส่งผลต่อการเติบโตของสินเชื่อ (Loan growth)  อยู่ในระดับต่ำกว่าในอดีต

           กลุ่ม REIT/Property Fund ยังคงให้ผลตอบแทนที่ชนะ SET Index จากที่สถานการณ์ภาวะดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี และอยู่ในระดับต่ำ รวมถึง REIT ส่วนใหญ่มีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการดำเนินงาน ทั้งนี้ควรระมัดระวัง REIT กลุ่มศูนย์การค้า/ โรงแรม/ ศูนย์นิทรรศการ ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบการการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส

            ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ค่า P/E Ratio ปัจจุบัน (Trailing P/E ratio) อยู่ที่ 15.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 17.5 เท่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend yield) อยู่ที่ 3.7% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 3.2% ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.09%